(ฟิกบารามอส เจ้าค่ะ)ศึกชิงนาง เจมิไน VS แอเรียส - (ฟิกบารามอส เจ้าค่ะ)ศึกชิงนาง เจมิไน VS แอเรียส นิยาย (ฟิกบารามอส เจ้าค่ะ)ศึกชิงนาง เจมิไน VS แอเรียส : Dek-D.com - Writer

    (ฟิกบารามอส เจ้าค่ะ)ศึกชิงนาง เจมิไน VS แอเรียส

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ พี่ Aris เขาฝากนู๋ลงนะค่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรักของคน 2คู่ได้ละมั้งเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคู่ไหน ต้องลองอ่านดูนะค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,973

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    2.97K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    13
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 48 / 20:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ศึกชิงนางเจมิไน VS แอเรียส

      เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจดหมายหนึ่งฉบับ จดหมายจากแอเรียสถึงเวนอล...


                         จดหมายนั้นมีเนื้อความโดยรวมว่า ขอสู่ขอจักพรรดินีวิเวียนนานีย่า โบแด็ง ให้กับเจ้าชายแห่งแอเรียสที่บัดนี้ออกไปเร่ร่อนโดยใช้นามแฝงว่า ลอเรนซ์ ดอร์น เดอะพรีส ออฟ แอเรียส


                         “ไม่!” เสียงตอบเด่นชัดจากผู้สูงศักดิ์

                         “ทำไมล่ะฝ่าบาท ในเมื่อคนที่สู่ขอไม่ใช่คิงริชาร์ด”


                         “…ก็มันแปลกๆใช่ไหมล่ะปกติเห็นเอาแต่จะขอหญิงไปเป็นมเหสีแต่คราวนี้กับขอให้พระโอรส แม่นมก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม” วิเวียนเอ่ย “แถมยังเป็น ลอเรนซ์ ดอร์น คนที่เคยอารักษ์ขาหญิงอีกต่างหาก”


                         “นมว่าหญิงน่ะห่วงเรื่องเจ้าชายโรเวนมากกว่าใช่ไหม” คนที่กล้าพูดคงเป็นใครไม่ได้นอกจากเฟย์น่า ที่ขณะนี้ส่ายหน้าเบาๆ “รู้ว่าเขาไม่สนก็น่าจะตัดใจได้แล้วนะเพคะ”


                         “นม…”


                         “เรื่องนี้มันก็ตัดสินใจยากอยู่ ฝ่าบาทเอากลับไปคิดก็แล้วกันนะเพคะ ถ้าตกลงได้ช่วยเวนอล ถ้าปฏิเสธ…ฝ่าบาทน่าจะรูนะเพคะ”


                         เจ้าพี่…

                         เจ้าพี่ไม่เคยสนใจหญิง…

                         หญิงควรทำอย่างไรดี…

                         เพื่อเวนอล…

                         ให้หญิงสละชีวิตนี้ก็ย่อมได้…


                         “ไม่ต้องรอหรอกนม…ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่” พระอัสสุชนหลั่งรินจากนัยน์ตาสีมรกต น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ โผเข้ากอดคนที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ “หญิงตกลง”


                         “โถ…เจ้าหญิงของนม…” นัยน์ตาทอดประกายเอ็นดูปนสงสารอย่างจับใจพลางลูบหลังจักพรรดินีผู้ทรงเกียรติเบาๆ



                         “รุกฆาต!”

                         “…”

                         “บอกมาได้แล้วโร จริงเท็จยังไงหึ”

                         “จริง จักพรรดินีวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอลจะอภิเษกสมรสเร็วๆนี้”


                         “กับ…” คนถูกถามขยับรอยยิ้มบางก่อนกวาดตัวหมากบนกระดานลง พลางจัดกระดานใหม่ ทำเอาคนถามตาค้างก่อนสบถอุบ “แกนี่ยุ่งจริง”


                         “นายไม่เล่นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” โรเอ่ยยิ้มๆพลางเอามือเก็บ เรือ ม้า บิชอบ และควีนของฝ่ายเฟริน ซึ่งดูไม่เข้ากับคำพูดซะเลย และก่อนที่จะคว้าตัวต่อไปข้อมือก็ถูกคว้าหมับ…


                         “ฉันจะต่อให้นายมากที่สุดแค่4ตัวเท่านั้น ถ้านายจะให้ฉันต่อให้มากกว่านี้ก็หยิบเบี้ยไป” คนฟังใช้มืออีกข้างรวบเบี้ยออกไปทั้งแปดตัว คนเผลอปากอ้าปาค้าง “แกจะให้ฉันเล่นโดยใช้แค่4ตัวเนี่ยนะ”


                         “ฉันรู้ว่านายสามารถ”

                         “งั้นถ้าฉันชนะนายจะต้องตอบคำถามตามจำนวนข้อที่นายหยิบเบี้ยฉันไปนะ โร เซวาเรส”



                         แล้วมันก็สามารถจริงๆ

                         “เอาล่ะข้อแรกวิเวียนจะแต่งงานกับใคร”

                         “นายไม่อยากรู้หรอก”

                         “อย่าเล่นลิ้นตอบมา”

                         “ลอเรนซ์ ดอร์น เดอะพรีส ออฟ แอเรียส” โรตอบทันควันเฟรินอ้าปากค้าง

                         “ลอเรนซ์ไปเกี่ยวอะไรด้วย” เฟรินอุทาน

                         “ฉันจะถือว่านั่นเป็นข้อที่สอง” โรเอ่ยยิ้มๆ “ลอเรนซ์เป็นเจ้าชายแห่งแอเรียส”

                         “เค้าจะแต่งกันเมื่อไหร่”

                         “นี่แกจะสนอะไรเค้าขนาดนี้”

                         “หึ เดี๋ยวนี้รู้จักใช้แกกับเจ้านายแล้วหรือโร”

                         “นายใช้กับฉันได้ฉันก็ใช้กับนายได้” คำตอบเรียบง่ายแต่ก็ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง

                         “ตกลงเมื่อไหร่” เฟรินว่า โรยกน้ำชาขึ้นมาจิบอึกแล้วอึกเล่าจนน่าถีบ “ตอบมาเร็วๆยังเหลืออีกหลายข้อ”

                         “พอลอเรนซ์เรียนจบก็แต่งเลย”

                         “โรเวนรู้รึยัง”

                         “ยัง”


                         “งั้นข้อที่เหลือเปลี่ยนเป็นให้นายมาช่วยอะไรฉันหน่อยก็แล้วกันนะโร” เฟรินฉีกยิ้มอย่างสบายใจพลางลากโร บอกถึงแผนการ ต่อด้วยการเดินหาเจ้าชายสุดหล่อแห่งเจมิไน



                         “โรที่ว่าวิเวียนจะแต่งงานน่ะจริงเหรอ”

                         เฟรินพยายามเค้นเสียงให้ดังที่สุดเท่าที่ทำได้ รอบข้างมีคนไม่กี่คน แต่ที่แน่นอนคือต้องมีเหยื่อตัวสำคัญ โรเวน ฮาเวิร์ด

                         “จริง” คนถูกดึงมาร่วมแผนการตอบสั้นๆก่อนเสริม “กับสี่ผู้คุมกฎ ลอเรนซ์ ดอร์น”

                         แผนการสำเร็จ!

                         แล้วทั้งคู่ก็รีบปลีกตัวออกไปเป็นฝ่ายสะกดรอยตามเจ้าชายผู้ติดบ่วงกับดัก



                         “เฟรินแกทำอะไรน่ะ”

                         เสียงจากด้านหลังทำเอาขโมยตัวดีสะดุ้ง

                         “ปะ…เปล่าไม่ได้ทำอะไรนี่”

                         “แกโกหก”

                         “คาโลล่ะ” คนที่เงียบมานานถาม

                         “เห็นนายอยู่กับเฟรินสองต่อสองในที่ลับตามันก็งอนตุ๊บป่องไปนู่นแล้ว”

                         “งอนตุ๊บป่อง” ทั้งคู่อุทานพลางนึกภาพ

                         “เฮ้ย!ไปแล้วเร็ว” เฟรินว่าพลางวิ่งอย่างเหยาะๆตามโรเวนไป แต่ก่อนที่อีกคนจะวิ่งตามก็ถูกนักฆ่าคว้ามือหมับ

                         “พวกนายจะสะกดรอยโรเวนทำไม” คิลถามโรขยับรอยยิ้มพลางวิ่งตามเฟรินไปทิ้งท้ายคำพูดหนึ่งไว้


                         “นายฉันบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนะแหละ” คิลชะงักครู่หนึ่งก่อนวิ่งตามไปด้วย ทั้งหมดคอยสะกดรอยไปเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องโรเวนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ไปหาคู่หมั่นของคนที่รักเขาเลย


                         แผนล่ม!

                         คำพูดดังในหัวเฟรินก่อนเดินคอตกกลับห้อง



                         ถึงภายนอกจะดูไม่เป็นอะไร

                         แต่ภายในเจ็บปวดรวดร้าว

                         ราวกับดวงใจจะแตกเป็นเสี่ยง

                         คิดพลางเดินออกไปนอกห้องก่อนไปหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่งที่มีเสียงถกเถียงเล็ดลอดออกมา ก่อนจะเดินผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ

                         “ไม่!”

                         “ลูกต้องทำ” เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยทำเอาคนกำลังจะเมินชะงักกึก

                         “ต...แต่ฝ่าบาทกระหม่อมทำไม่ได้”

                         “นะถือว่าช่วยพ่อ”

                         “แต่สิ่งที่ฝ่าบาททำมันผิดมหันต์”

                         “ผิดอย่างไร”


                         “ผิดทางจริยธรรม ผิดต่อกระหม่อม และผิดที่สุดต่อจักพรรดินีวิเวียนนานีย่า” เสียงตอบแข็งขันทำเอาความบังเอิญของคนได้ยินเริ่มเปลี่ยนเป็นแอบฟัง “ฝ่าบาทคิดจะให้กระหม่อมเป็นหุ่นเชิด ส่วนตัวฝ่าบาทเสวยสุขกับจักพรรดินี ฝ่าบาทว่าไม่ผิดหรือ”


                         “ไม่แค่เคล็ดลับนิดหน่อย อ๊ะ!ลูกรักขอโทษนะพ่อต้องไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องแต่งนะ” แล้วร่างท้วมก็หายไปจากห้องตามมาด้วยเสียงทุบกำแพงดังปังขึ้นเกือบพร้อมกันและคำสบถที่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน

                         “บ้าจริง!”



                        ปัง!


                         เสียงปิดประตูดังสนั่นจากผู้ที่อารมณ์เสียถึงขีดสุดก่อนล้มตัวลงบนเตียงใหญ่ คิ้วเข้มมุ่นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุอื่นนอกจากอารมณ์เสีย ก่อนจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ออกไปที่หน้าบานหน้าต่างเรียกมังกรน้ำคู่ใจกระโดดขึ้นไปบนหลังก่อนจะขับเคลื่อนไปสู่เวหาอันกว้างใหญ่


                         นี่เขากำลังทำผิดกฎร้ายแรงของเอดินเบิร์ก…

                         แต่…

                         ถ้าเขาไม่ทำเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!



                         “เฮ้ย!คิล”

                         “อะไร”


                         “มาดูนี่สิ” ว่าพลางกระชากคอเสื้อเพื่อนซี้มาจากเตียงข้างๆ ดันหน้าไปจนชิดหน้าต่าง ก่อนจะขยับรอยยิ้มด้วยความพอใจ “รุกฆาต!” เจ้าตัวพึมพำเบาๆ แต่ก็สร้างความฉงนให้กับนักฆ่าเป็นอย่างมาก


                          “รุกฆาต?” คิลทวนหัวขโมยจอมแผนการเบือนดวงหน้ามาสบก่อนจะเริ่มควบคุมสติไม่อยู่ “นั่นมันโรเวนแล้วเกี่ยวอะไรกับรุกฆาต?”


                         ด้วยความดีใจเกินเหตุจึงโผกอดนักฆ่าเพื่อนรักหอมซ้ายหอมขวา

                         “รุกฆาตแล้วฉันรุกฆาต คิล”


                         เจ้าตัวยังคงกอดหอมเพื่อนรักต่อไปโดยไม่เห็นดวงหน้าที่ขึ้นสีก่ำของเพื่อนรัก และอีกคนที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่คิลจะเป็นคนหันมาเห็น ก่อนอุทานเบาๆ


                         “คาโล…” เรื่องเก่ายังไม่ทันเคลียก็มีเรื่องใหม่มาอีกเขากับมันอุตส่าห์วางแผนแกล้งหลับหนีปัญหาไว้ซะดิบดีแต่มันกลับทำเสียแผนไอ้เพื่อนบ้าก็ดีใจอะไรมันไม่รู้จนเสียสติ และสิ่งที่มันทำก็ทำให้เขาตะลึงไดเสมอ...


                         “คา โล ฉัน รุก ฆาต แล้ว!” เฟรินวิ่งไปหาคาโลทันที ส่วนคิลรีบกระโดดลงจากหน้าต่างเมื่อรู้ว่าอาจโดนเข้าผิด เพราะงั้นให้มันจัดการกันเองดีกว่า


                         ร่างอรชรเข้าโผกอดคอของอีกฝ่ายก่อนซบหน้าลงที่ไหล่กว้าง

                         “ฉัน...ทำสำเร็จแล้ว” เสียงติดขัดเพราะดีใจเกินเหตุ

                         รุกฆาตคิล...

                         ทำอะไรสำเร็จ...

                         กับคิล...


                         เร็วเท่าความคิดเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็จับดวงหน้าขาวเบือนขึ้นมาแรงราวแรงกระชาก และก่อนที่เจ้าหญิงแห่งสองอาณาจักรจะได้ทันก่นด่ากลับก็ประกบริมฝีปากร้อนลงปิดทันที


                         ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีก่ำความงุนงงปรากฏขึ้นเมื่อไม่รู้คนตรงหน้าทำอะไรเพราะอะไร สัมผัสที่ร้อนแรง ดูดดื่มและเร่าร้อนกับมือหนาที่กระชับร่างบางแน่นก่อนผลักร่างนั้นลงนอนกับเตียงจับมือทั้งสองข้างไว้แน่น


                          “@#*-*^+#!” ภาษาไม่เป็นภาษาจากเฟริน เดอเบอโรว์ หรือถ้าแปลดีๆก็คือแกจะทำอะไรวะ ไอ้กรวก! ไอ้เวร! ไอ้งี่เง่า!

                         ริมฝีปากร้อนเริ่มไล่มาทางแก้มนวล ซอกคอขาว แต่เท่านั้นก็เพียงพอจะให้ด่าได้แล้ว

                         “ไอ้น้ำแข็งงี่เง่าแกจะทำอะไรวะ” เมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมหยุดคิลหายมือไม่ว่างแต่ตี นว่าง แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันจะแรงเกินไป

                         ก่อนจะเปลี่ยนความคิดเมื่อคนตรงหน้ารุกรานเกินความคิด

                         ปึ้ก!



                         ถึงแล้ว!


                         การเดินทางถึงเวนอลผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม เจ้าชายคนเก่งร่อนมังกรน้ำคู่หูลงจอดข้างวังก่อนลูบหัวมันสองสามครั้งและกระโดดลง


                         “ดีมาก…” โรเวนเอ่ยมังกรน้ำคู่ใจน้อมรับคำพูดก่อนเสียงหนึ่งเข้าสู่ส่วนประสาท

                         “เลื่อนวันอภิเษก!”

                         “เห็นเค้าว่างั้นกัน คิงริชาร์ดมีปัญหานิดหน่อยเลยเลื่อนเป็นมะรืนนี้”

                         “แล้วท่านจะยอมเร้อ”

                         “งานนี้ไม่ยอมก็ต้องยอม”

                         “ทำไมมันกะทันหันอย่างนี้เล่า” คนพูดถอนใจ “มีหวังต้องวุ่นกันสามวันสามคืน”

                         “คิงริชาร์ดอยู่ด้วยซะอย่างวันเดียวก็เหลือแหล่”


                         “ใช่เราอยู่ด้วยซะอย่าง จะกลุ้มไปทำไม” ทุกคนเกร็งตัวขึ้นฉับพลัน คราวนี้หันไปเอ่ยกับคนข้างตัว “จริงมั๊ยฝ่าบาท


                         \"เกรงว่าทางที่ยุ่งจะเป็นฝ่ายฝ่าบาทมากกว่าเพคะ” วิเวียนเอ่ยช้าๆพลางเบือนดวงพักตร์ไปสบแต่ชายหางตาไปทางอื่น ริชาร์ดเลิกคิ้วสูง “ก็เพราะมีใครบางคนต้องลักลอบออกจากเอดินเบิร์กนี่เพคะ”


                         ใครบางคนสะดุ้งโหยงก่อนจะเดินหลบ วิเวียนเบือนนัยน์ตาสีมรกตจากใครบางคนมาสบกษัตริย์แห่งแอเรียสที่บัดนี้ระเบิดเสียงสรวลลั่น


                         หล่อนรู้!


                         “โอรสของกระหม่อมมิได้ลักลอบมานะ” ริชาร์ดพูด วิเวียนตีหน้าซื่อแในใจประดับไปด้วยรอยยิ้ม “เค้าลาโรงเรียนอย่างเป็นทาง”


                         “นั่นสิหม่อมฉันก็คิดเข้าไปได้” คนพูดขยับรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “หมู่นี้ชอบมีนกบินมานอกหน้าต่างอยู่เรื่อย”

                         “ฝ่าบาทไม่ชอบ กระหม่อมว่านกน้อยตัวเล็กๆก็น่ารักดี”


                         “ถ้าไม่ใช่นกอินทรีย์หม่อมฉันคงชอบ แต่หม่อมฉันอยากเห็นมังกรน้ำมาบินรอบๆมากกว่าคงงามน่าดู” ริชาร์ดเลิกคิ้วก่อนขยับพระโอษฐ์แย้มน้อยๆ


                         ใครก็รู้ว่าวังเวนอลเป็นแหล่งอินทรีย์ชุกชุม

                         “เดี๋ยววันอภิเษกกระหม่อมจะนำมาถวาย”


                         “อย่าเลยรบกวนฝ่าบาทเปล่าๆ ถึงหม่อมฉันจะอยากเห็นเพียงใดก็ตาม” พอเห็นริชาร์ดจะพูดต่อก็ตัดบทฉับ “หม่อมฉันขอส่งเสด็จแค่ตรงนี้”


                         “นั่นสินี่ก็มืดแล้ว ราตรสวัสดิ์พะยะค่ะ” ตาแก่หัวหัวฉวยมือบางมอบจุมพิตน้อย ขณะที่คนถูกกระทำลอบชักดวงหน้า


                         “เพคะ”คำตอบสั้น “วันนี้หม่อมฉันต้องรีบบรรทมก่อนสองทุ่มครึ่งตามเวลาประเทศของฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาทไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัวไปบรรทมก่อน”


                         “สองทุ่มครึ่งอีกสิบนาทีเอง กระหม่อมไม่รบกวนหรอกพะยะค่ะ”



                         ก๊อก ก๊อก!

                         เสียงเคาะขอบหน้าต่างเนื่องจากหน้าต่างถูกเปิดรอไว้อยู่แล้ว

                         สองทุ่มครึ่งของแอเรียส แต่หกโมงเย็นของเจมิไน...

                         \"เจ้าชายโรเวน...\" เสียงหวานเอ่ย \"เข้ามาสิ\"

                         เจ้าชายคนเก่งค่อยๆลงจากขอบหน้าต่างลงมา ขณะที่สตรีคนเดียวที่อยู่ในห้องยังหันหลังให้

                         \"ท่านมาที่นี่ทำไม\"

                         \"กระหม่อมมิบังอาจ เพียงแค่มีเรื่องต้องมาเรียนให้ทราบพะยะค่ะ\"

                         \"จากท่านมหาปราชญ์?\" จักพรรดินีผู้มากด้วยศักดิ์ถาม


                         \"มิได้พะยะค่ะ\" วิเวียนเลิกคิ้วสูงแต่กระนั้นก็ยังคงหันหลังให้ \"กระหม่อมได้ยินมาว่าฝ่าบาทจะทรงอภิเษกสมรสกับโอรสแห่งแอเรียส ผู้ใช้นามแฝงว่า...\" น้ำเสียงขาดช่วงไปสักพักก่อนจะสงบสติอารมณ์พูดต่อ \"ลอเรนซ์ ดอร์น เดอะพรีส ออฟแอเรียส\"


                         \"แล้วท่านจะมาห้าม?\" น้ำเสียงยังคงทรงอำนาจ


                         \"กระหม่อมมิบังอาจ\" โรเวนพูดช้าชัด \"เรื่องนี้ก็ต้องสุดแล้วแต่ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินใจ\" ก่อนจะพูดต่อ \"แต่กระหม่อมได้ยินมาว่าการอภิเษกครั้งนี้นำชื่อโอรสมาอ้างแต่จริงๆแล้วเป็ฯการอภิเษกระหว่างท่านกับกษัตริย์ริชาร์ด แต่ฝ่าบาทคงทราบแล้ว\"


                          \"บังอาจ!\" เสียงตอบกลับแข็งขันพร้อมกับการสะบัดตัวกลับมาของผู้ทรงศักดิ์ \"ท...ท่านจะใส่ความเรารึ ว่าเรารู้เรื่องนี้อยู่แล้วน่ะ...\"


                          เธอร้องไห้...

                          ถึงไม่รูว่าร้องตั้งแต่เมื่อไรแต่ดวงหน้าขาวกลับแดงกำไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง

                          โกรธ...

                          เพราะคนๆนี้เข้าใจเธอผิด...


                          ผิดหวัง...

                          เพราะคนๆนี้ไม่เชื่อใจเธอ...


                          ร้องไห้...
                          เพราะคนๆนี้พึ่งมาตอนนี้...


                          เพียงแต่บุรุษกลับก้มดวงหน้าไม่เห็นภาพเบื้องหน้าไม่รู้แม้แต่เธอร้องไห้


                          \"กระหม่อมมิบังอาจ แต่เห็นฝ่าบาททรงสุขสำราญดี กระหม่อมอาจเพียงแค่เข้าใจผิด\" คำพูดเพียงประโยคเดียวที่แทงลึกไปถึงกลางใจ เขาไม่รู้เลยเหรอว่าสิ่งไหนที่เธอแสร้งทำ สิ่งไหนที่มาจากความรู้สึกจริงๆของเธอ


                          \"เจ้าพี่...มองหญิงสิแล้วบอกสิว่าสิ่งที่ท่านเห็นเป็นอย่างที่ท่านพูด\" คนถูกเรียกยังคงก้มหน้า \"มองหญิงสิ...\" เสียงเริ่มแผ่วมือกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่น \"มองหญิง...\" ว่าพลางช้อนนัยน์ตาสีมรกตขึ้นมาสบ ข้อเสียที่เขาตัวสูงกว่าเธออย่างนี้ไม่มองคงไม่ได้


                          \"บอกหญิงสิว่าที่ท่านพูดมันหมายความว่าอย่างนั้น บอกหญิงสิว่าตลอดเวลาท่านเห็นหญิงเป็นแค่ของเล่นที่เล่นจนพอใจแล้วโยนทิ้ง บอกหญิงสิว่าที่ท่านปฏิบัติต่อหญิงเพียงเพราะหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อจักพรรดินี...\" เจ้าตัวหยุดหอบหายใจสักพักก่อนเอ่ยต่อโดยไม่สนใจว่าชักเริ่มเลอะเทอะ


                          \"บอกหญิงสิว่าหญิงไม่มีค่าพอที่ท่านจะหันมาแม้แต่มอง บอกหญิงสิว่าหญิงไม่สามารถเป็นผู้หญิงที่ดีได้ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดอุตสาหะแค่ไหน บอกหญิงสิว่าสัญญาที่ท่านเคยให้สัญญานั้นไม่มีความหมาย...\" น้ำเสียงสั่นเครือตัดพ้อขาดหายเป็นท่อนๆนัยน์ตาสีมรกตพร่าพรายไปด้วยหยาดน้ำใสที่ไหลลงอาบแก้มนวล แต่ถึงกระนั้นก็ยังสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินอย่าไม่คิดจะเบือนไปที่อื่น นั่นทำให้คนที่ควบคุมตนเองได้เป็นเลิศหลุดการควบคุม มือใหญ่ปาดน้ำตาลที่แก้มนวลก่อนประทับรอยจุมพิตที่หน้าผากนวล ก่อนจะเลื่อนมาหาความหวานล้ำจากสตรีเบื้องหน้า


                          ไม่สนแม้ว่าสตรีเบื้องหน้าจะมากศักดาเท่าใด

                          ไม่สนแม้แต่สิ่งที่ทำอยู่...

                          จะทำให้เกิดสงครามได้...



                          \"นี่\"

                          \"อะไร\"

                          \"คิล นี่มัน...เลือดจิ้งจอกเก้าหางนี่\"


                          \"อะไรนะ!\" คิลคว้าขวดที่เจ้าตัวยุ่งคว้าขึ้นมาพลางดมฟุดฟิด \"กลิ่นนี้ถ้าจำไม่ผิดมัน...ยาแก้อาคมที่นายใช้น่ะ แต่ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ล่ะ\"


                          \"เมื่อครั้งงานฉลองครบรอบเดือนและสี่ปีของเจ้าหญิงแห่งเดมอส ได้เกิดเหตุจราจลขึ้น เจ้าหญิงทั้งสองถูกแปลงเป็นชาย องค์หนึ่งไปเดมอสส่วนอีกองค์ไป...คิลนี่มัน...\"


                          \"หมายความว่ายานี่ถูกซ่อนเอาไว้เพื่อแก้อาคมของเจ้าหญิงแห่งเดมอส เฮ้ย...แกจะไปไหน\"

                          \"แก้คำสาป จะได้จบแบบHappyหน่อย\"



                          \"ว้าย!\"


                          เฟรินแสร้งร้องพลางน้ำในขวดกระเฉาะไปโดนรุ่นพี่ปีเจ็ด รุ่นพี่คนนั้นร้องออกมาทันทีและร้องแบบที่ลูคัส ซาโดเรียไม่เคยทำ มือบางถูกคว้าหมับ


                           \"เธอเอาอะไรราดลูคัส\" เสียงเข้มถามก่อนนัยน์ตาสีม่วงจะเบิกกว้าง ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาว ผมสีดำยาวสยาย ร่างอรชรกับดวงหน้าน่ารักทำเอานักบวชแห่งแอเรียสดวงหน้าก่ำอย่างไม่มีสาเหตุ


                         “ผมทำยาหกครับ”

                         “ยาอะไร” น้ำเสียงประสานดุที่สุดเท่าที่เฟรินเคยได้ยินจากลูคัส ซาโดเรีย และลอเรนซ์ ดอร์น

                         “ย…ยาแก้อาคม” เสียงชักขาดช่วงด้วยความกลัว


                         “อาคม?” ลอเรนซ์ทวน ขณะที่ลูคัสหน้าเผือดสี ก็ตอนนั้นเขาอายุสี่ปีไม่ใช่หนึ่งเดือนก็พอจะจำอะไรได้ลางๆ


                         “ก็อาคม…”


                         “เฟริน เดอเบอโรว์ไม่ต้องฉันอธิบายเอง”  ซาตานแห่งป้อมยิ้มอย่างสุภาพแต่ก็สัมผัสได้ถึงไอทะมึนรอบๆ เฟรินสะบัดมือและวิ่งหนีทันทีแต่ก่อที่นักบวชจะวิ่งตามก็ถูกมือบางคว้า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอธิบายเองลอเรนซ์ ดอร์น”


                         เป็นครั้งแรกที่ลูคัสไม่เรียกคนอื่นด้วยชื่อประหลาดๆแสดงว่าครั้งนี้เรื่องเครียดจริงๆ และเป็นครั้งแรกที่ ลอเรนซ์ ดอร์น เดอะพรีส ออฟแอเรียส อยากวิ่งหนีไปไกลๆเราไอทะมึนเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ


                         “ฉันจะไปแจ้งมิสแรมเซิล” ลอเรนซ์เอ่นพลางสะบัดมือแต่มือบางยังจับแน่น

                         “ไม่ต้อง” เสียงหวานเอ่ย “ไปที่ห้องฉัน” ไม่รอคำตอบเจ้าหล่อนก็ลากเขาเข้าไป



                         ซวย

                         เจ้าตัวถอนใจเบา

                         “เมื่อไร โรเวนจะกลับมานะ” เฟรินพึมพำ “เดี๋ยวก็ถูกเลโมธีจับได้พอดี”

                         “ไม่กลับหรอก” เสียงจากข้างหลังทำเอาเฟรินสะดุ้งเฮือก

                         “นายจะทำฉันหัวใจวาย” เฟรินสบถ “นายว่างั้นแน่เร้อ”

                         “ต้องเตรียมทำสงคราม”

                         “สงคราม?” เสียงหวานทวน

                         “กับแอเรียส”

                         “เจมิไนนี่ไม่เจียม”

                         “เวนอลอีกเมืองก็ช่วย”

                         “จะบุกเมืองเจ้าแห่งมนตราก็ไม่เจียมอีกแหละ”


                         “แล้วนายจะไม่ช่วยเหรอ” โรถามพลางเดินขนาบคู่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เมืองน้องสาวนายแท้ๆ” เฟรินชะงักอยากรู้นักว่าหมอนี่สู่รู้มาจากไหนอีก


                         “นั่นมันน้องสาวนายไม่ใช่เรอะ”พลางบลัฟเข้าให้อีกกระทง

                         “ศึกชิงนางคราวนี้ไม่ขอยุ่งจะดีกว่า”

                         “จริงสิ… แบบนี้โรเวนก็เสียคะแนนหมด”


                         “ไม่หรอก ได้เพิ่มไม่ว่า ข่าวคิงริชาร์ดเอาการแต่งงานมาบังหน้ามันแพร่สะพัดไปทั่ว” โรพูด “พอเสร็จเครดิตของคิงริชาร์ดก็เสียหมด แต่คนในเมืองแอเรียสก็ต้องจำใจสู้อยู่ดี” พูดแล้วเว้นวรรค


                         “ส่วนทางเจมิไนพอรู้เรื่อง นายก็รู้อยู่คนในเมืองก็รู้เรื่องโรเวนกันอยู่แล้วก็เลยฮึกเหิมลุกสู้หวังให้เจ้าชายเมืองตัวเองสมหวังถึงคิงเซสจะไม่ยอมแต่ก็คนทั้งประเทศจะทำยังไงไหว” ก่อนจบที่สุดท้าย “คนของเวนอลโกรธจัดกะจะพังเมืองแอเรียสบัดนั้นเลย นายคิดว่าแอเรียสจะรอดเหรอ”

                         “ฮ่า…แล้วแกก็ไม่บอกฉัน” โรยักไหล่อย่างน่าถีบ

                         “ก็นายไม่ถาม”


                         “ปกติไม่ถามก็เห็นเ สือกตอบ” คนถูกด่ามุ่นคิ้วขึ้นแต่ก่อนจะเดินออกไปก็ถูกมือบางคว้า “ขอบใจนะที่ช่วย”


                         “เรื่องไหน”

                         “ก็เรื่องนี้แล้วก็เรื่อง…คาโล”

                         “ไม่เป็นไร” คำตอบแต่ก็พลันนึกไปถึงเหตุการเมื่อสองคืนที่แล้ว



                         ปึ๊ก!

                         เสียงของคนจับขาบางไว้ได้ทันเวลา ก่อนที่มันจะเด้งสูงกว่านี้


                         “เกือบไป…” อาคันตุกะถอนใจเบาแต่กลับถูกนัยน์ตาสีฟ้าจ้องเขม็ง ดวงขาวของสตรีที่ขึ้นสีก่ำ พยักหน้าเป็นเชิงขอบใจที่เข้ามาขัดจังหวะ


                         “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคือว่ามิสแรมเซิลจะจัดแจงเรื่องหมากกระดานเกียรติยศน่ะ” โรเอ่ยดวงหน้าเจ้าเล่ห์ประดับไปด้วยรอยยิ้มพยักเพยิดไปทางเฟริน

                         เฟรินเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่พอแปลได้ว่า

                         ขอบใจ…



                        “เรื่องมันเกิดขึ้นตอนฉันอายุสี่ขวบ”

                         “เออ…รู้แล้ว ฉันไปนะ”

                         “เดี๋ยวลอเรนซ์ฉันยังเล่าไม่จบ” รอยยิ้มหน้ากลัวทำเอานักบวชศักดิ์สิทธิ์เหงื่อแตกพลั่ก่อนนั่งฟังแต่โดยดี


                         “รู้ไหมทำไม่มีปีศาจตัวไหนออกคำสั่งกับฉันและทักฉันว่าเป็นคนทริสทอร์”

                         “ฉันจะรู้ไหม”


                         “ตอบดีๆ” เสียงเย็นๆและดวงหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มเสมอก่อนถอนใจ “ช่างเถอะ…ความจริงแล้วเจ้าหญิงแห่งเดมอสไม่ได้มีองค์เดียว… หากแต่อีกองค์ที่เกิดมาทรงพระสิริโฉมงดงามจนจาาวแห่งปีศาจต้องปิดปากเงียบเพราะความหวงลูกสาว”


                         “แล้วนายคือเจ้าหญิงคนนั้นงั้นสิ ไอ้หลงตัวเอง” ลอเรนซ์แทรก ลูคัสยังคงยิ้มแต่มือนั้นบีบแรงขึ้น

                         “ใช่แล้ว ชื่อจริงของฉันคือ ลูเซีย เกรเดเวล”

                         “แล้วไง”

                         “ความจริงแล้วยานั่นฉันรู้อยู่แล้ว โกโดมมาบอกฉัน เจ้าโคมุสที่อยู่กับจ้าวเอวิเดสน่ะ แต่…”

                         “แต่อะไร” ลอเรนซ์ชักเริ่มสนใจ

                         “ฉันกลัวว่าถ้านายรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงนายจะจากฉันไป”

                         “หมายความว่าไง” คิ้วเข้มของลอเรนซ์มุ่นขึ้น

                         “ก็นายชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอลอรี่” เท่านั้นเลือดของนักบวชศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งงปรู๊ดขึ้นตามดวงหน้าขาว

                         “ใครบอกแกว่าเป็นอย่างนั้น!”


                         “ฮะๆ ฉันล้อเล่น” ลูคัสว่าพลางเอี่ยวตัวหลบพายุมีดบิน “ฉันกลัวว่านายจะโกรธที่ฉันไม่บอกนาย แล้วนายก็กำลังจะอภิเษกกับจักพรรดินีแห่งเวนอลไม่ใช่เหรอ” ซาตานเลือดเย็นว่าพลางเบือนหน้าหนี มือบางถูกคว้าหมับพร้อมกับสิ่งหนึ่งถูกส่งให้


                         หญิงสาวเบือนดวงหน้ากลับมาพลางมองของที่อยู่ในมือ

                         “ไข่มุกแสงจันทร์” เสียงหวานเอ่ย


                         “ฉันก็เคยนึกเหมือนกันว่านายน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะฉันก็ชอบนาย ฉันจะไม่อภิเษกกับใครนอกจากนายเท่านั้นลูคัส”

                         ว่าแล้วก็ประทับริมฝีปากเรียกความอ่อนหวานจากอีกฝ่าย…



                         “พ่อออกมาได้แล้ว”


                         เสียงหวานเอ่ยก่อนพูดต่อ “พ่อเล่นเก็บแต่ละเรื่องซะมิดยังไงก็บอกกันบ้างสิ เรื่องที่ฉันมีพี่น่ะไม่ยอมบอก” ชายหนุ่มร่างใหญ่ออกมาจากมุมมืด


                         “กลัวลูกช็อกตายน่ะสิ”


                         “ปากเสีย” คนถนัดย้อนลืมตัวย้อนอย่างเคยตัว ทำเอาจ้าวปีศาจชะงักงัน “แล้วพ่อพอจะช่วยได้ไหมเรื่องน้องสาวฉันน่ะ”


                         “แล้วใครใช้ให้ลูกไปตกลงรับคนมาเป็นน้องสาวไปทั่ว” ว่าพลางถอนใจเบา “ทัพจากเดมอสมาช่วยน่ะไม่ไหวจริงๆ เพราะพ่อสัญญาไว้กับทางเอเดนแล้ว”
                         “งั้นเหรอ ขอโทษที่รบกวนนะพ่อ” เฟรินคอตกทันที


                         “แต่…ถ้าทัพจากทริสทอร์ล่ะก็พ่อสั่งให้แล้ว” นัยน์ตาสีดำฉายรอยอ่อนโยนสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลพราวระยิบ ก่อนจะกระโดดกอดคนเป็นพ่อด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง แล้วเสียงสยองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


                         “ฝ่า…บาท…เสด็จกลับเดมอสเดี๋ยวนี้…”

                         “โกโดม”


                         “รู้ไหมท่านเกือบทำให้ข้าถูกท่านลูน่ากับท่านเกรเซอร์ประหาร” เสียงโคมุสจิ๋วพูดชัดเจนคนแอบหนีมาหัวเราะหึๆในลำคอก่อนประทับรอยจุมพิตไว้ที่ข้างแก้มพระธิดา


                         “เจอกันตอนปิดเทอมนะเฟลิโอน่า” เจ้าหญิงสองดินแดนชะงักกึกทันที

                         “ปิดเทอมฉันจะไปบ้านคิลนะพ่อ”


                         “มาเดมอส แล้วค่อยไปก็ได้ เจอกันลูกรัก” เฟรินค้อนให้วงโตก็เขาตกลงกันแล้วว่าพอปิดเทอมจะดิ่งสู่บ้านคิลกันนี่นา เฟรินเดินนิ่วหน้ากลับห้องโดยไม่รู้ตวเลยว่ามีบทลงโทษต่อจากคราวที่แล้วรออยู่…


                         โปรแกรมล่มหมด


                         เนื่องจากทั้งสามถูกเชิญไปร่วมงานอภิเษกสมรสของจักพรรดินีวิเวียนนานีย่า โบแด็งและเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ดที่เปลี่ยนที่ตั้งพระราชวังทั้งสองมาอยู่ระหว่างสองดินแดนปัญหาข้อโต้แย้งขาดผู้ปกครองเลยเป็นอันโมฆะ


                         ถัดจากนั้นไม่นานก็ต้องเดินทางไปร่วมงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายลอเรนซ์ โมนาโรคกับเจ้าหญิงลูเซีย เกรเดเวลต่อ


                         พอเสร็จในเวลาติดๆกันกลับไปเจมิไนเพื่อร่วมงามราชาภิเษกของโรเวน ฮาเวิร์ด พอกำลังจะไปบ้านคิลต่อก็ถูกเรียกกลับมาในงานที่คิงโรเวนถูกเลื่อนเป็น มหาราชโรเวน คราวนี้คิดจะไปพักผ่อนที่เดมอสก็ถูกเรียกกลับมาอีกเรื่อง จักพรรดินีวิเวียนนานีย่า โบแด็งทรงพระครร จนเฟรินอดชมไม่ได้ว่าโรเวนนี่เยี่ยมยอดจริงๆ


                         ทางลอเรนซ์ก็ไม่น้อยหน้าเรียกตัวทั้งสามมาอีกสองเรื่องคือ หนึ่งเจ้าหญิงลูเซียทรงพระครรอีกคนในวันติดๆกัน และสองคิงริชาร์ดยกบัลลังก์ให้เนื่องจากทนเสียงวิพากย์วิจารณ์ไม่ไหว ซึ่งเฟรินอดสมน้ำหน้าลึกๆไม่ไหว


                         ตั้งแต่ศึกที่ต้องยกธงขาวเนื่องจากต้องรบกันถึงสามเมืองแถมทหารก็มีท่าทีจะคว่ำบาตรลูกก็ไปหมั้นกับสาวอื่นอีกบอกได้คำเดียวว่าสมน้ำหน้า


                         พอจบก็หมดปิดเทอมพอดีเอวิเดสเดสจึงน้ำตานองหน้าไปเลย ก็เสียลูกสาวไปหนึ่ง อีกหนึ่งก็ไม่มาแลนี่น่า


                         โอ๊ะ!…ลืมบอกไปเรื่องหนึ่งโรเวน ฮาเวิร์ด ถูกทำรายงานหนึ่งหมื่นหน้าเนื่องจาก…

                         หนีเรียนไปหาหัวใจ…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×